ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมนั่งรอความหวังจากบูพาอย่างเลือนลาง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ออกเงินไปก่อน
เวลาผ่านไป จากอาทิตย์เป็นหลายอาทิตย์ ผมก็เร่ิมไม่โทรไปถามแระ รอมันอย่างเดียว ผลการตรวจสอบมันต้องผ่านซิ ผมไม่เคยเป็นต้อกระจก มารู้ก็ตอนตรวจที่รัตนินนี่แหละ พอรู้ก็จะผ่าเลย มันจะเป็นโรคต่อเนื่องได้ยังไง เป็นตายยังไงก็จะรอ ผมต้องใช้เงินประกันของบูพามาจ่ายค่าผ่าต้อกระจกให้ได้ มันเป็นสิทธิของผม
ผมใช้ชีวิตปกติทำงานของผมไป แล้ววันหนึ่งก็มีโทรศัพท์เบอร์แบบเบอร์บ้าน 02 มาที่มือถือของผม "สวัสดีครับ" ปลายสาย " สวัสดีครับ คุณอนุทินหรือเปล่าครับ" " ใช่ครับ" ผมเงียบไป นึกในใจ เแม่งขายของอะไรอีกหว่า เบื่อว่ะ " โทรจาก รพ พระราม 9 ครับ " ผมชักเอะใจ โทรจาก รพ มีอะไรว่ะ หันไปมองดาวเรือง ก็นอนอืดอยู่ข้างๆนี่หว่า ไม่ได้เป็นอะไร หรือใครเป็นอะไรว่ะ ใจชักเต้น " ครับๆ มีอะไรหรือครับ " "คุณอนุทิน จะยอมให้เปิดเผยประวัติการรักษาหรือเปล่าครับ มีเอกสารขอมา" ได้ยินข้อความ ผมนี่โล่งเลย รีบตอบ " ยินดีครับ เปิดเผยมันให้หมดเลยครับ ไม่ต้องปิดบังครับ" " ok ครับ ขอบคุณมากครับ" หลังวางสายผมนึกลำดับเหตุการณ์ รพ พระราม 9 เป็นอีก รพ ที่ผมใช้เป็นระจำเพราะใกล้บ้าน ไปมาสะดวก ทางบูพาต้องไปขอตรวจสอบเรื่องต้อกระจกผมแน่ๆ เชิญตามสบายครับ เพราะเท่าที่จำได้ ผมไป รพ พระราม 9 เพื่อฉีดวัคซีนกันหมาบ้าเพราะไปจับหมาจรจัดแถวบ้านฉีดยาแล้วโดนมันงับเอา กับล่าสุดก็นอนตกหมอนแล้วคอเคล็ดหนักเท่านั้น ซึ่งโรคเหล่านี้ไม่น่าที่จะเกี่ยวอะไรกับต้อกระจกที่ผมจะเคลม 555555 เริ่มมีความหวังใหม่เข้ามา แล้วเรื่องก็เงียบหายไปอีก.......
ผ่านมาอีกสักสิบวันหลังจาก รพ พระราม 9 โทรมา ผมรอไม่ไหวจึงโทรไปที่ บูพาอีกครั้ง "สวัสดีครับ ผม............. (อธิบายยาวไปเลย ขี้เกียจมาถามใหม่อีกครั้ง) เรื่องเคลมไปถึงไหนแล้วครับ "ค่ะ ๆ เดี่ยวดูให้ค่ะ" เข็มวินาทีกระดิกผ่านไปพร้อมความหวังของผมที่เดินตามไปช้าๆ "คุณอนุทินค่ะ เคสคุณอนุทินตรวจสอบเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ " เฮ้ย อะไรว่ะนี่ ผมรีบเอ่ยถาม " แล้วเป็นไงครับ ผ่านหรือเปล่า" " ผ่านเรียบร้อยทุกอย่างค่ะ" สิ้นเสียงที่เหมือนมาจากสวรรค์ คำว่าโล่งอกนี่ ผมเข้าใจวันนี้เอง "ครับ ขอบคุณครับ" วางสายเสร็จ ก็อดคิดไม่ได้ มันพึ่งเสร็จพอดี แล้วเราโทรมา หรือว่า มันเสร็จนานแล้วว่ะ 5555555 เอาเหอะช่างมันเรื่องผ่านแล้ว สรุปรวมเวลาถ้าจำไม่ผิดนัก ตั้งแต่เริ่มส่งเอกสาร จนเรื่องผ่าน น่าจะ 40 วัน คิดในแง่ดี เร็วกว่าที่เค้าบอกไว้ 90 วันตั้งครึ่ง ไม่รอช้า โทรไปที่รัตนินเลยครับ " ขอนัดวันผ่าครับ" "มีเสาร์นี้ กับเสาร์หน้าค่ะ " ใจผมคิด ผมไม่อยากรออะไรอีกแล้ว " เสาร์นี้เลยครับ แล้วผมต้องตรวจอะไรอีกไหมครับนี่ " เจ้าหน้าที่รัตนิน เงียบไปสักพัก " ผลตรวจเดิมยังใช้ได้อยู่ค่ะ ไม่ต้องตรวจซ้ำ วันเสาร์มาผ่าเลยนะค่ะ " ผมถามเรื่องเคลมประกันต่อ " ทางบูพาเค้าแจ้งผมมาแล้วว่า เคสผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีปัญหาอะไรน่ะครับ" "คะ ถ้าบูพาแจ้งยังงั้นไม่มีปัญหาคะ แค่คนไข้ต้องนอน 1 นะค่ะ" "อ้าวทำไมล่ะครับ ผ่าตัดเล็กไม่ใช่เหรอ ผ่าเสร็จกลับบ้านได้เลย หมอบอกนี่" "ใช่คะ แต่ว่าวันเสาร์ 5 โมงเย็นผ่าเสร็จ ทางบูพาเลิกงานแล้ว ไม่สามารถส่งแฟ๊กซ์เคลมได้ค่ะ หลังผ่าเสร็จ รุ่งขึ้นคนไข้ต้องมาตรวจอีกครั้ง ถ้านอนค้างที่ รพ ก็มาตรวจตอนเที่ยงได้เลย" " แล้วถ้าผมไม่นอนล่ะครับ บ้านผมใกล้ๆแต่นี้เองผ่าวันเสาร์ วันอาทิตย์เที่ยงผมไปตรวจได้ไหม" " ได้คะ แต่คนไข้ต้องจ่ายผ่าตัดไว้ก่อน ครึ่งหนึ่งก็ประมาณ 27000 บาทคะ แล้วพอวันอาทิตย์มาตรวจเราแฟ๊กซ์เคลมกับบูพาเรียบร้อย จะคืนเงินมัดจำทั้งหมดคะ" ผมเริ่มมึนงงอีกครั้งแล้วครับ เอาไงดี ถามค่าห้องที่รัตนินมาแล้ว ถูกสุดประมาณ เกือบ 5000 บาท ผมเบิกประกันได้ 2000 แล้วอาจถูกปฎิเสธการเคลมได้เพราะการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องนอนค้าง แล้วถึงประกันจ่ายยังไง ก็ต้องออกเองอีกเกือบ 3000 บาท เฮ้อ อะไรมันจะขนาดนี้ว่ะ นี่ขนาดกูมีวิชาความรู้ จัดเป็นชนชั้นปัญญาชน รู้เรื่องรู้ราวกับเค้าน่ะนี่ ไม่ใช่ตาสีตาสา รากหญ้าที่ไหน แม่งยังเยอะขนาดนี้ เอาไงดีว่ะ ตัดสินใจเด็ดขาด กูจะไม่ยอมจ่ายค่าอะไรอีกแล้ว พอกันที 5555 " ok ผมไม่นอนค้างครับ เดี่ยวจะจ่ายมัดจำค่าตัดเอง" วางสายกับรัตนินเสร็จ ผมก็โทรหาเพื่อนผู้เป็นกัลยาณมิตรทันที " เฮ้ย กูจะผ่าต้อกระจกแล้วว่ะ บูพามันบอกว่ากูผ่านแระ "
"เออดีแล้ว ผ่าสักทีรอตั้งนานเดี่ยวก็บอดหรอกมึง เออกูว่าไหนๆจะผ่าแล้ว มึงบอกหมอเค้าผ่าเอาหมาจากปากไปด้วยสิ เจ็บทีเดียว" " ไอ้ห่า แต่แม่งยังมีปัญหาว่ะ รัตนินมันจะให้มัดจำสักครึ่งหนึ่งเพราะมันเคลมวันนั้นไม่ทัน วันเสาร์นี้กูจะผ่ามึงมารูดบัตรให้หน่อยดิ เดี่ยวเคลมได้เอาเงินสดไปคืน" "เออๆๆๆ มึงไปผ่าเหอะ ไม่ต้องห่วง เดี่ยวกูแวะไปจ่ายให้ ok นะ"
"เออดีแล้ว ผ่าสักทีรอตั้งนานเดี่ยวก็บอดหรอกมึง เออกูว่าไหนๆจะผ่าแล้ว มึงบอกหมอเค้าผ่าเอาหมาจากปากไปด้วยสิ เจ็บทีเดียว" " ไอ้ห่า แต่แม่งยังมีปัญหาว่ะ รัตนินมันจะให้มัดจำสักครึ่งหนึ่งเพราะมันเคลมวันนั้นไม่ทัน วันเสาร์นี้กูจะผ่ามึงมารูดบัตรให้หน่อยดิ เดี่ยวเคลมได้เอาเงินสดไปคืน" "เออๆๆๆ มึงไปผ่าเหอะ ไม่ต้องห่วง เดี่ยวกูแวะไปจ่ายให้ ok นะ"
แล้วมหากาพย์ของผมก็เดินมาถึงตอนสุดท้าย อย่างมีความสุขทุกคน 55555 สรุปเรื่องราวได้ดังนี้
1 คุณอาจคิดได้ว่าคุณมีประกัน แต่ประกันอาจไม่คิดเหมือนคุณ เพราะงั้น บอกได้คำเดียว ดูให้ดี พิจารณาให้ดี ไม่งั้นมีสิทธิตายแบบศพไม่สวย 5555
2 การเจรจาอะไร อย่าไปใช้อารมณ์ครับ ผมคุยกับบูพาแบบใจเย็นมาก คุยกันเป็น ชม ๆ เค้าเปลี่ยนมือมาคุยสามสี่คน ผมก็ไม่โกรธ พยายามอธิบาย เพราะอะไรครับ น้องๆเค้าก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัท ด่าน้องเค้า ใส่อารมณ์ไป ได้อะไร นอกจากความสะใจ เจ้าหน้าที่ที่คุยกับเราไม่ใช่คนออกกฎ ถ้าอยากด่าต้องหาวิธีด่าคนออกกฎครับ หาตัวให้เจอ หาคนที่ใช่ แล้วก็ลุย แต่ทางออกที่ดีก็คือ คุยกันแบบใจเย็นๆ เจ้าหน้าที่ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นคนเหมือนกับเรานี่แหละครับ มีสุขมีทุกข์ ร้อนหนาว เป็นเพื่อนร่วมโลกกับเรา คุยกับเค้าดีๆ เค้าอาจจะเห็นใจ ช่วยตามเรื่องของเราก็เป็นได้
3 เราต้องพยายามรักษาสิทธิของเราครับ เรื่องราวขั้นตอนอาจยุ่งเยอะ อาจเป็นวิธีการทำงานของเค้า เพื่ออะไร เราไม่ทราบ แต่เมื่อเราจะใช้สิทธิ เราก็ต้องใจเย็นๆ ถ้าไม่ผิด ไม่โกง ถึงไหนถึงกัน ผมเชื่อในความยุติธรรมว่ามันมีในโลกนี้
4 อย่าประมาทครับ โดยเฉพาะเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกับผม คุณต้องหาประกันสุขภาพอะไรสักอย่างที่คุณหาได้มาเตรียมเอาไว้ และควรมีมากกว่า1 อย่าง เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน คนไทยทุกคนมีสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรคครับ แต่ก็อย่างว่า ถ้ามันเป็นอะไรจริงๆ คุณก็อยากหาทางเลือกที่มันดีที่สุด เวลาคนเรามันไม่สบายหรือใกล้ตายนี่ สมองมันจะอื้อๆ โง่ๆ ครับ คิดอะไรไม่ค่อยออกหรอก เชื่อผมเถอะ
5 ข้อนี้สำคัญที่สุด โดยเฉพาะพวกผู้ชาย ทำไมต้องผู้ชาย ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่เคยเป็นผู้หญิง หาเพื่อนดีๆครับ เชื่อผมได้เลย เพื่อนมันจะเป็นคนช่วยคุณครับ พ่อแม่เมีย ครอบครัวน่ะช่วยเราอยู่แล้ว ผมไม่ได้เถียง แต่ถ้าคุณมีเพื่อนดีๆ สักคนนี่ แม่งยิ่งกว่าพกมีดสวิส วิคเตอริน๊อกอีก มันจะช่วยคุณทุกอย่างทั้งที่ขอร้อง และแบบมันเสือกมาช่วยเอง55555 ต้องขอบคุณเพื่อนคนหนึ่งที่มันดีกับผมมาก ทั้งๆที่หน้าตามันเหี้ยและปากหมา แถมอิจฉาความหล่อของผมที่มากกว่ามันมาโดยตลอดกว่า 30 ปีที่รู้จักกัน เพือนคนนี้เป็นคนเสนอออกค่าใช้จ่ายผ่าตัดให้ก่อนโดยไม่สนว่าประกันมันจะจ่ายหรือไม่ เพื่อนคนนี้เป็นคนช่วยรับผมเข้าทำงานเพื่อให้มีประกันสังคม และเพื่อนคนนี้ยังเป็นคนไปจ่ายค่ามัดจำผ่าต้อกระจกที่รัตนินให้อีก และนอกจากนั้น มันยังเลี้ยงเหล้าผมทุกครั้งที่เจอหน้ากัน 555555 มันดีจริงๆ ขอบอก
1 คุณอาจคิดได้ว่าคุณมีประกัน แต่ประกันอาจไม่คิดเหมือนคุณ เพราะงั้น บอกได้คำเดียว ดูให้ดี พิจารณาให้ดี ไม่งั้นมีสิทธิตายแบบศพไม่สวย 5555
2 การเจรจาอะไร อย่าไปใช้อารมณ์ครับ ผมคุยกับบูพาแบบใจเย็นมาก คุยกันเป็น ชม ๆ เค้าเปลี่ยนมือมาคุยสามสี่คน ผมก็ไม่โกรธ พยายามอธิบาย เพราะอะไรครับ น้องๆเค้าก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัท ด่าน้องเค้า ใส่อารมณ์ไป ได้อะไร นอกจากความสะใจ เจ้าหน้าที่ที่คุยกับเราไม่ใช่คนออกกฎ ถ้าอยากด่าต้องหาวิธีด่าคนออกกฎครับ หาตัวให้เจอ หาคนที่ใช่ แล้วก็ลุย แต่ทางออกที่ดีก็คือ คุยกันแบบใจเย็นๆ เจ้าหน้าที่ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นคนเหมือนกับเรานี่แหละครับ มีสุขมีทุกข์ ร้อนหนาว เป็นเพื่อนร่วมโลกกับเรา คุยกับเค้าดีๆ เค้าอาจจะเห็นใจ ช่วยตามเรื่องของเราก็เป็นได้
3 เราต้องพยายามรักษาสิทธิของเราครับ เรื่องราวขั้นตอนอาจยุ่งเยอะ อาจเป็นวิธีการทำงานของเค้า เพื่ออะไร เราไม่ทราบ แต่เมื่อเราจะใช้สิทธิ เราก็ต้องใจเย็นๆ ถ้าไม่ผิด ไม่โกง ถึงไหนถึงกัน ผมเชื่อในความยุติธรรมว่ามันมีในโลกนี้
4 อย่าประมาทครับ โดยเฉพาะเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกับผม คุณต้องหาประกันสุขภาพอะไรสักอย่างที่คุณหาได้มาเตรียมเอาไว้ และควรมีมากกว่า1 อย่าง เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน คนไทยทุกคนมีสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรคครับ แต่ก็อย่างว่า ถ้ามันเป็นอะไรจริงๆ คุณก็อยากหาทางเลือกที่มันดีที่สุด เวลาคนเรามันไม่สบายหรือใกล้ตายนี่ สมองมันจะอื้อๆ โง่ๆ ครับ คิดอะไรไม่ค่อยออกหรอก เชื่อผมเถอะ
5 ข้อนี้สำคัญที่สุด โดยเฉพาะพวกผู้ชาย ทำไมต้องผู้ชาย ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่เคยเป็นผู้หญิง หาเพื่อนดีๆครับ เชื่อผมได้เลย เพื่อนมันจะเป็นคนช่วยคุณครับ พ่อแม่เมีย ครอบครัวน่ะช่วยเราอยู่แล้ว ผมไม่ได้เถียง แต่ถ้าคุณมีเพื่อนดีๆ สักคนนี่ แม่งยิ่งกว่าพกมีดสวิส วิคเตอริน๊อกอีก มันจะช่วยคุณทุกอย่างทั้งที่ขอร้อง และแบบมันเสือกมาช่วยเอง55555 ต้องขอบคุณเพื่อนคนหนึ่งที่มันดีกับผมมาก ทั้งๆที่หน้าตามันเหี้ยและปากหมา แถมอิจฉาความหล่อของผมที่มากกว่ามันมาโดยตลอดกว่า 30 ปีที่รู้จักกัน เพือนคนนี้เป็นคนเสนอออกค่าใช้จ่ายผ่าตัดให้ก่อนโดยไม่สนว่าประกันมันจะจ่ายหรือไม่ เพื่อนคนนี้เป็นคนช่วยรับผมเข้าทำงานเพื่อให้มีประกันสังคม และเพื่อนคนนี้ยังเป็นคนไปจ่ายค่ามัดจำผ่าต้อกระจกที่รัตนินให้อีก และนอกจากนั้น มันยังเลี้ยงเหล้าผมทุกครั้งที่เจอหน้ากัน 555555 มันดีจริงๆ ขอบอก
สุดท้ายนี้ เรื่องจบลงด้วยดีครับ บูพาจ่ายทั้งหมด 54500 บาท AIA จ่าย 3500 บาท ผมจ่ายเอง 3500 บาทและกำลังให้เพื่อนดูว่า ยอดที่ผมจ่ายนี้ AIA เคลมได้เหรอเปล่า ชีวิตเป็นของเราครับ เราใช้ได้ เราซ่อมได้ แต่อย่าประมาท โชคดีทุกท่านครับ