วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กว่าจะเป็นสารคดี

เรื่องนี้ เขียนครั้งแรก เมื่อ 7 พ.ย 2013 

     เริ่มวันด้วยการ ส่งเมล์ link youtube งานรายการทีวีที่ทำไปให้ลูกค้าและสถานีตรวจ up load ด้วยความละเอียด SD ตั้งแต่เมื่อคืน การทำงานด้วยวิธีนี้สะดวกรวดเร็วขึ้นมากด้วยการใช้ internet จะตรวจแก้งานอะไรกัน ก็สามารถดูทาง internet ได้ ถ้ามีงบประมาณมาก จะวาง NAS ที่บ้านเลยก็สะดวก ไม่ต้องup load แจ้ง url ให้ลูกค้าเข้ามาดู ที่ NAS ของเราได้เลย ระบบ NAS ก็คือเราตั้ง storage server เราเองที่บ้าน ต่อเชื่อม เข้ากับระบบ internet ไปเลยเพราะเดี่ยวนี้ internet ก็เชื่อมต่อตลอดเวลาอยู่แล้ว สำหรับคนที่ต้องup load งานขนาดใหญ่มากๆ ระบบนี้ก็น่าสนใจ
     
   จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ที่มีinternet ห้องตัดต่อเดี่ยวนี้ สามารถทำได้ในราคาที่ถูกลงมากกว่าแต่ก่อน สมัยก่อน ห้องตัดระบบ betacam ต้องใช้เงินอย่างน้อยประมาณ 3-5 ล้านบาทกับเดี่ยวนี้ computer ราคา หมื่นสองหมื่น ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อยู่ที่ความรู้ความชำนาญ แต่แน่นอนถ้าคุณทำเป็นอาชีพประจำก็อาจต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน แต่ก็ยังอยู่ในงบประมาณแค่หลักแสนเท่านั้น ไม่ต้องใช้เงินล้านเหมือนก่อน
   
   เขียนอย่างนี้ เลยนั่งนึกว่า เมื่อสองสามวันก่อน โทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่อยู่วงการทัวร์ ก็บ่นๆกันว่า ช่วงนี้เหนื่อยๆ เงินหายากขึ้น แต่ค่าใช้จ่าย fix cuase ก็ยังคงสูงเช่นเดิม ก็เลยบอกไปว่า สำหรับเรานั้น ได้เปลี่ยนระบบตรงนี้มาเป็นปีแล้ว เราใช้ระบบ virtual office แล้ว เรียกง่ายๆคือไม่ต้องมี office สำหรับนั่งทำงาน งานที่สามารถทำจากบ้านได้ ก็ทำงานที่บ้านเลย เหมือนอย่างงานตัดต่อที่เราทำ งานตัดต่อรายการทีวี จัดว่าเป็นการตัดต่อแบบ format หรือมีรูปแบบที่ creat มาแล้ว เช่น จะเล่าเรื่องอย่างไร พิธีกรมาแบบเอาจริงเอาจังหรือตลกเฮฮา สีและแสงของภาพ
     
   เหล่านี้ ทีมครีเอทีฟ ได้ประชุมและตัดสิมใจมาแล้ว เมือได้ผลิตออกมาเป็นรายการก็ประชุมแก้ไข กันจนเป็นที่พอใจ ดังนั้นงานที่ทำก็เป็นการทำตามรูปแบบที่วางไว้ จนกว่าจะมีการวางรูปแบบใหม่ เพราะอย่างนั้น การตัดรายการทีวีประเภทนี้ ลูกค้าเลยไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้ามานั่งตัดต่อด้วย สามารถปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ producer และ editor ได้เลย ถ้าอย่างเรา producer และ editor เป็นคนเดียวก็ไม่ต้องไปปรึกษาใคร 555555 กำกับเอง ถ่ายเอง อีกต่างหาก ก็เลยนั่งทำจนเรียบร้อยแล้วค่อย up load งานไปให้ตรวจกัน ว่ามีความผิดพลาดหรืออยากเพิ่มอะไรหรือไม่ ถ้าตรวจแล้วพอใจ ก็เมล์ตอบมา เราก็จัดการ export งานออกมาเป็นไฟล์ที่ทางสถานีต้องการเพื่อการออกอากาศได้เลย การส่งงานไปสถานีก็ใช้ระบบ logistic ที่มีนะแหละ ถ้าใกล้ๆ ก็ มอไชค์ ถ้าไกลก็ว่ากันไป จะ DHL หรือ EMS
     
    ส่วนระบบการเตรียมงานก่อนถ่ายทำ อย่างที่เรียกว่า preproduction นั้น ยิ่งสบายกว่าแต่ก่อน เรานั่งนึกถึงสมัยที่เราทำงานรายการ คุณขอมา ของพี่ต๋อย ไตรภพ ช่อง 3 ซึ่งเป็นรายการสารคดีประเภท เรื่องแปลก ของแปลก แบบ ม้า3ขา ลา4 หัว แบบเดียวกันกับ รายการ ตามไปดูนะแหละ เราทำงานอยู่ในส่วน prepro ซึ่งมีหน้าที่ หาเรื่องมาถ่ายรายการและจัดเตรียมงานล่วงหน้ารอกองถ่ายเดินทางมาถ่ายทำ ซึ่งสมัยนั้นการทำงานยุ่งยากมาก ลองนึกดูเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ไม่มีโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์สาธารณะยังหายากเลย ในป่าในทุ่งไม่ต้องไปหาเลย เราต้องหาเรื่องจากจดหมายที่ส่วนหนึ่งผู้ชมรายการเขียนแนะนำเข้ามา และหาอ่านสืบเสาะเอาเองส่วนหนึ่ง เมื่อมีจดหมายแนะนำเข้ามา เราอ่านแล้วสนใจ ก็ต้องพยายามคิดต่อกลับไป ซึ่งส่วนมากคนที่เขียน จม แนะนำมา ก็มีแต่ที่อยู่บ้านเท่านั้นเหมือนกัน ถ้ามีเวลาพอ ก็จะเขียน จม ตอบกลับไป นั่งนึกดู เขียนตอบกันไปมา 55555 เหมือน จม รักเลย
   
   แต่ส่วนมาก มันไม่ทันการหรอก รายการคุณขอมาที่เราทำนั้น ใน 1 ชม มี 5 ช่วงหรือ 5 เรื่อง ออกอากาศทุกอาทิคย์ เราต้องหาเรื่องป้อนฝ่ายผลิตรายการให้ทัน ส่วนมากเราก็จะคว้า จม เหล่านั้น เลือกที่นั้น อยู่ใกล้ๆกัน สัก 4-5 ฉบับ แล้วไปค้นคว้าหาข็อมูลว่าแถวนั้นมีอะไรน่าสนใจอีก แล้วก็ออกเดินทางไปตามหาเรื่องเลย 55555 อ่านแล้วน่าสนุกใช่ไหม เด็กหนุ่มผู้มีความฝันออกเดินทางผจญภัยในโลกกว้าง 555 สนุกนะ ตอนนั้นจำได้ เดินทางตลอด
    
    แต่ความจริงของการทำงาน มันไม่สวยหรูยังงั้นสิ คุณต้องหาเรื่องมาถ่ายทำให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ไม่ใช่ไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย เราต้องเดินทางเข้าไปในที่ๆ ทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นป่า เป็นทุ่ง เป็นเกาะ เพราะไอ้เรื่องแปลกๆ นี่ ส่วนมากมันไม่ค่อยจะยอมมาอยู่ในเมืองเลย ไม่รู้เป็นอะไร 555 เราต้องนั่งรถทัวร์หรือรถไฟ ไป จังหวัดที่เราต้องการ เมื่อถึง จังหวัดแล้วก็ต้องหา รถต่อเข้าไปที่ อำเภอหรือ ตำบลหรือหมู่บ้านตามเป้าหมาย ไอ้ตรงนี้แหละ ชีวิตมันเริ่มฮาไม่ออกแหละ นั่งสองแถวไปถึง ต้องต่อด้วยมอไซค์บ้าง เรือบ้าง เดินบ้าง แล้วแผนที่ก็ไม่มี กูเกิลยังไม่เกิด GPS ยังไม่มา ใช้ปากถามทางเค้าไปเรื่อยๆ ว่าบ้านนี้อยู่ตรงไหน แล้วคุณคิดดู เด็กหนุ่มหน้าตาดี แต่ตัวเปื้อนฝุ่นมอมไปทั้งตัว หอบกระเป๋าพะรังพะรัง มาเดินถามชาวบ้านไปทั่ว คนมันจะคิดยังไง มันมาตามหาอะไรของมันนี่ มันเป้นใคร 5555 ยังๆๆ ยังไม่จบ หาเจอแล้วก็ต้องไปสำรวจว่า เรื่องราวมันจริงไหม และน่าสนใจพอที่จะทำรายการไหม ถ้าใช่ ก็โชคดีไป ถ้าไม่ใช่ ประมาณ ว่าตอนเขียนไปหา ม้ามันมี 3 หัว แต่ตอนนี้ มันหดหายไป เหลือหัวเดียว ก็ฮาไม่ออก เดินทางมาฟรี แล้วตอนเดินทางกลับออกมานี่แหละ สาหัสบันเทิง โชคดี ชาวบ้านมีรถก็อาจมาส่งขึ้นรถต่อได้ ถ้าไม่มีการผจญภัยของเด็กหนุ่มก็เริ่มอีกครั้ง 555 ผมจำได้แม่นเลย ครั้งหนึ่งไป prepro ใกล้ๆ นี่แหละ แถว บางไทร บ้านแพน อยุธยา ไม่ไกล แต่ต้องใช้การเดินทางครบทุกอย่าง ขากลับ ชาวบ้านพายเรือออกมาส่ง ผมก็จะเดินไปขึ้นสองแถวกลับ ปรากฎว่า สองแถวหมดไปแล้ว เอาไงดี ชาวบ้านแนะนำว่า มีคิวรถอยู่อีกแห่ง ผมเลยตัดสินใจเดินไป เพราะไม่มีรถอะไรไปส่งเลย เดินปลงชีวิตไปเรื่อยๆ ตอนนั้น สองสามทุ่มแล้ว ก็เดินมันตามทางลูกรังมืดๆ นะแหละ ก็มีเสียง ก็อกแกก ๆๆๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในใจนึก มันอะไรว่ะ จักรยานครับ มีชาวบ้านปั่นจักรยานผ่านมา เค้าถามผมจะไปไหนเหรอ ผมตอบเค้าไป เค้าบอกเดินไม่ไหวหรอก มาซ้อนจักรยานไปดีกว่า ผมก็ไม่รอช้าสิ กระโดดซ้อนจักรยานพี่เค้าทันที จักรยานน้อยๆของเราเดินทางฝ่าความมืดไปเรื่อยๆ เราก็คุยกันไป ว่าผมมาทำอะไร ประมาณนั้น แล้วเค้าก็มาส่งผมตรงที่หนึ่ง แล้วชี้ให้ผมเดินต่อไป บอกว่าอีกสัก 15 นาทีก็ถึง ผมรีบขอบใจแล้วก็เดินไปถามทางที่พี่เค้าบอก ด้วยความรีบและเหนื่อย ผมเดินแทบจะวิ่ง แล้วประมาณสิบกว่านาที ผมก็มาถึงตลาดแห่งหนึ่ง ริมถนนใหญ่ เมื่อเวลาจะเที่ยงคืนไปแระ ถามคนแถวนั้น บอกรอรถแถวนี้แหละ มีวิ่งผ่านแต่อาจนานหน่อย ระหว่างที่รอรถ ผมก็เลยนั่งนึกอะไรไปเรื่อยๆ อืม ผมไม่ได้ถามพี่จักรยานเลยว่า พี่เค้าจะไปไหน และมาจากไหน อยู่ๆ พี่เค้าก็โผล่มา มาส่งผมตรงที่มืดๆ แล้วก็หายไปเลย 5555 พอนึกแค่นั้นแหละ ขนลุกเลยครับ เพื่อนๆ
    
    มาว่ากันต่อเรื่องการทำ prepro เมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อหาเรืองถ่ายได้แล้ว ผมจะต้องรีบเดินทางมาในเมืองหรือสถานที่ที่มีโทรศัพท์เพื่อโทรบอก producer ที่รอข่าวอยู่ที่บริษัท ต้องนัดกันไว้นะครับ เพราะแต่ก่อนไม่มีมือถือ ไม่มีเพจ เราต้องนัดกันไว้ว่า ประมาณสองทุ่ม ของทุกวันผมจะโทรมาส่งข่าวและรับข่าว การหาเรื่องเพื่อถ่ายทำ หาเรื่องเดียวไม่ได้นะครับ เพราะไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในการออกกองถ่าย รายการที่ผมทำตอนนั้น ต้องหาให้ถ่ายให้ได้วันละ 2 เรื่องเป็นอย่างน้อย และถ้าไปต่างจังหวัดไกลๆ ก็ต้องมีวันถ่าย2 วันเป็นอย่างน้อย ไม่งั้นไม่คุ้มค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ผมก็เลยต้องเร่ร่อนเป็นนกขมิ้นไปทั่วประเทศไทย ประมาณ 2 ปี หาเรื่องถ่ายทำได้แล้ว บางทีก็ไม่กลับมา กทม รอกองถ่ายอยู่ที่นั้นเลย ถ่ายเสร็จกองถ่ายเดินทางกลับ บางทีผมก็เดินทางหาเรื่องถ่ายต่อไป 5555 นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศ
    
    มาถึงสมัยนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทีม prepro หาข้อมูลใน google แล้วก็โทรมือถือหรือเมล์ไปแจ้งความต้องการ ทุกอย่างสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องขยับตัวจากหน้าคอม นี่ก็เป็นวิธีการทำงาน แบบ virtual office ของผมเหมือนกัน ทีม creative ของผม ทีม prepro ของผมทำงานหน้าคอมที่บ้านของตัวเอง เรานัดกันว่าจะประชุมผ่าน skype หรือ network สักอย่าง ที่เวลาหนึ่งที่ทุกคนสะดวก ส่วนมากผมจะเลือกประมาณ เที่ยง เพราะทุกคนน่าจะตื่นหมดแระ เราก็คุยกันว่า งานคืบหน้าอย่างไร มีอะไรเพิ่มเติม ทีมเราทำงานร่วมกัน บน google app แบบเสียเงิน ไฟล์งานทุกอย่างเก็บไว้ที่นั้น ทุกคนสามารถดึงเอามาแก้ไขหรือทำต่อได้ทันที ตามสิทธิของแต่ละคน จากการที่ได้ลองทำงานร่วมกันแบบนี้ ผมว่า มันได้งานมากขึ้นกว่าเดิมนะ นายจ้างจ่ายเงินเท่าเดิม ลูกจ้างได้เงินเพิ่มจากการที่ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง เสียค่าเวลาเดินทาง ทำงานได้เยอะขึ้นใน ชม ทำงานเท่าเดิม นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าออฟฟิส ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากาแฟ แต่อาจจ่ายเป็นค่าโทรศัพท์หรืออินเตอเนตแทน แต่ที่แน่ๆ ค่าใช้จ่ายลดลงเยอะมาก

   เมื่อได้งานเตรียมถ่ายแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องถ่ายทำ เราก็สามารถลดค่าใช้จ่าย โดยการลดจำนวนคนออกกองได้อีก โดยการใช้ trafic ประสานงาน ร่วมกัน ปกติแล้วในกองถ่ายจะมีคนหนึ่งทำหน้าที่ประสานงาน คอยติดต่อ โทรศัพท์สารพัด ตรงนี้ ผมจัดการโดยการทำงานจากที่บ้านและใช้เป็นส่วนกลางได้ กล่าวคือ ถ้าเป็นแต่ก่อน วันนั้นมีกองถ่าย สองหรือสามกอง เราก็ต้องมีประสานงาน สองหรือสามคน แต่ผมเปลี่ยนมาใช้คนเดียวแบบทำที่บ้านและเป็นส่วนกลางเลย ทีมกองถ่ายที่ต้องออกกองทุกคน อาจจะเป็น producer หรือ creative จะต้องมี smart phone ที่เปิดอินเตอเนตตลอดเวลา เราก็ใช้ระบบ google location เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้กองถ่ายกองนั้น อยู่ตรงไหน ส่วนกลางสามารถประสานงานกับหน้างานได้เลยว่า ตอนนี้กำลังเดินทาง อีกกี่นาที กี่ ชม ถึง และติดต่อกลับไปยังกองถ่ายว่า หน้างานมีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่ประสานงานส่วนกลางก็ทำกับข้าวให้สามี หรือเล่นกับหมาไปพร้อมกันได้ 55555 ก็มันใช้แค่ คอมกับมือถือ เท่านั้น ยิ่งถ้าคุณมี notebook หรือ tablet คุณอยู่ตรงไหนก็ได้ ผมทำอย่างนั้นจริงๆมาแล้ว

    จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า เราสามารถลด จำนวนคนลงได้อีกหนึ่งหน้าที่ ประสานงานที่เก่งๆ สามารถรับมือกองถ่าย 4 กอง พร้อมกัน ใน 1 วันสบายๆ คุณลองนึกดู งบประมาณที่ต้องลดลงไปสิ ไม่ใช่แค่เงินเดือนหรือค่าจ้างนะ กองถ่ายทุกกองมีค่าใช้จ่ายต่อจำนวนคน ไม่ว่า ค่ารถ ค่ากินอยู่ เมื่อกองถ่ายคนน้อยลง ก็ใช้เงินน้อยลง ความคล่องตัวมากขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น เมื่อกองถ่ายไปถึง มีปัญหาที่ต้องให้ส่วนกลางตัดสินใจ เราสามารถให้ทางกองถ่าย ใช้มือถือหรือ tablet อัพวิดีโอ เรียลไทม์ ให้ดูเพื่อตัดสินใจได้ตรงนั้นเลยว่าจะเอายังไง อย่างเช่น โลเกชั่น ไม่ดี ไม่สวยอย่างที่เห็นในรูป เราก็ให้ กองถ่ายอัพรูปหรือ วิดิโอมาดูเลย จะย้ายจะเปลี่ยนก็ว่ากันเลย ส่วนกลางสามารถควบคุมดูแลและช่วยงานกันได้ เหมือนเดินทางไปด้วยกัน เราสามารถได้งานเหมือนเดิมโดยการเปลี่ยนวิธีการทำงานเท่านนั้น

   ผมได้ทดลองระบบนี้มาสองปีแระ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คนทำงานต้องมีคุณภาพ ซึ่งก็เหมาะกับงานบางอย่างเท่านั้น ไม่ได้แปลว่างานทุกอย่างจะทำแบบนี้ได้นะ จ่างแพงเลือกคนเก่งจะดีกว่า เราได้งานมากกว่า ผมคิดว่า เหตุที่ผมทดลองและสนใจวิธีนี้เพราะว่า ได้แพลนไว้ว่า อีกสักสามปีห้าปี ผมจะย้ายไปอยู่ที่ดอยวาวี ซึ่งผมปลูกกาแฟเอาไว้ และก็จะไปๆมาๆ กับที่โคราช บ้านเกิดของผม ส่วน กทม ก็คงเป็นที่รับงานส่วนโปรดักชั่นเหมือนเดิมเท่านั้น ผมคงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ ดอยวาวี กับ เพื่อนฝูงและครอบครัว ที่โคราช เพราะสำหรับ กทม ผมอื่มตัวกับมันแล้ว แต่แน่นอน ผมยังต้องทำงาน ก็เลยหาวิธีที่จะจัดการ ที่โคราช ไม่มีปัญหาอะไร อินเตอเนตเร็วกว่า กทม ซะอีก แต่ที่ดอยวาวี อินเตอเนตยังไปไม่ถึง ก็กำลังหา โซลูชั่นจัดการอยู่ แต่ผมเชื่อว่า อีกไม่นาน ก็คงมี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น