วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์แห่งสายตาผ่าต้อกระจก ตอนที่ 4

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมได้รับคำตอบจากประกันบูพาว่า เคสของผมต้องรอตรวจสอบไม่เกิน 90 วันเพราะอาจเป็นโรคต่อเนื่องซึ่งผมจะก็ไปนัดผ่าตาวันเอาไว้แล้ว มาดูกันตาอว่า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันดีกว่าครับ
ผมพยายามเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ของบูพาต่อไป " ผมนัดผ่าต้อกระจกกับทางรัตนินพรุ่งนี้แล้วนะครับ มีวิธีไหนที่จะให้การตรวจสอบทันไหมครับ "ขณะที่ผมโทรคุยกับบูพาอยู่นั้น คือวันศุกร์ตอนเที่ยงๆ "ตามระเบียบเราต้องตรวจสอบไม่เกิน 90 วันค่ะ " "แล้วเร็วที่สุด นี่สักกี่วันครับ " ผมถามเผื่อมีความหวัง "แต่เสียงตอบที่ปลายสายก็ทำเอาผมหมดหวังทันทีเหมือนกัน " ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ไม่เกิน 90 วันแน่ๆค่ะ คุณอนุทินสามารถดูในกรรมธรรม์ได้เลยน่ะค่ะ ข้อ..........(เยอะมากๆๆๆ) มีเขียนไว้หมดแล้ว ผมก้มดูกรมธรรม์ประกันบูพาที่อยู่ในมือ เปิดไปที่หน้าที่เจ้าหน้าที่บอกมา 55555555 พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ ต่อให้เป็นคนสายตาดีๆ ก็คงต้องเพ่งอ่านแบบตั้งใจมากเพราะขนาดตัวอักษรที่เล็กและก็อย่างว่า ข้อความแบบสัญญาทั่วไป ที่มีแต่ทนายความและผู้พิพากษาเท่านั้นที่สามารถแปลความหมายได้ คนธรรมดาอ่านแล้วก็ต้อง งงๆ เป็นธรรมดาแถมอ่านนานๆ เผลอหลับไปเลยก็มี คนสายตาดีๆ ยังยากแล้วคนสายตามีปัญหาอย่างผมจะขนาดไหน "สักครู่ครับ เดี่ยวหาแว่นก่อน ครับ" ผมคว้าแว่นตามาพยายามอ่าน อืม ไม่เห็นว่ะ เอาไงดี หว่า เหลือบไปเห็น แว่นขยายสำหรับส่องชิ้นงานเวลาต้องบัดกรีซ่อมอุปกรณ์กล้อง เอาได้ไอเดีย เอาว่ะ เอาแว่นขยายนี่แหละ ส่องอ่าน อืม มีจริงๆ 90 วัน แต่ข้อความรวมๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอก แต่มันประมาณว่า โรคนั้นต้องตรวจ โรคนี้ไม่คุ้มครอง ถ้าอุบัติเหตุใช้ได้เลย แต่ต้องหลังประกันคุ้มครองแล้วกี่วัน อะไรประมาณนี้ ผมก็ไม่ได้สงสัยหรอกครับว่า มันจะไม่มีในประกัน เพราะถ้าเจ้าหน้าที่เค้ายืนยันแบบนั้น มันมีแน่ๆ แต่ที่สงสัยคือ หลังจากลูกค้าทำประกันไปแล้ว ก็ไม่ขอตรวจสอบประวัติลูกค้าไปเลยว่า ที่แจ้งในเอกสารตอนทำประวัติมันจริงหรือเท็จ เวลาลูกค้าจะเคลมก็จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตรวจสอบ เพราะส่วนมากลูกค้าที่ทำประกันสุขภาพนี่ คนทำต้องคงต้องมั่นใจว่าตัวเองจะป่วย แต่จะป่วยด้วยโรคอะไร หรือเมื่อไรคงไม่ทราบเวลาหรอกครับ รู้แต่ว่าอุตส่าห์ส่งประกัน ปีละไม่น้อย อย่างของผมนี่ ส่งเดือนละ ประมาณ 2000 บาทปีหนึ่งจ่ายเบี้ยเกือบ สามหมื่นบาท และเป็นแบบไม่สะสมนะครับ เสียทิ้งแบบปีต่อปี ยอมจ่ายมาตลอดเพราะกลัวเวลาเจ็บไข้ต้องจ่ายเงินค่ารักษาเป็นเงินก้อนใหญ่และต้องมาสำรองจ่ายไปก่อน หลังจากอ่านข้อความกรมธรรม์และตั้งสติให้มั่นก็ถามต่อ " ok ครับผมเข้าใจแล้วว่าต้องตรวจสอบ แล้วผมจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ แล้วแน่นอนว่า ยังไงวันนี้ก็ตรวจสอบไม่ทันแน่นอนน่ะครับ" " ค่ะ ไม่ทันหรอกค่ะ คุณอนุทิน มีอีเมล์ไหมค่ะ เดี่ยวจะส่งเมล์ แนบเอกสารการขอตรวจสอบประวัติไปให้ กรอกรายละเอียดแล้วส่งทะเบียนกลับมาที่บริษัทเลยค่ะ จะดำเนินการให้ทันที" ผมก็แจ้งอีเมล์ไป พร้อมพูดต่อไปว่า " ยังไงก็ช่วยรีบดำเนินการให้ผมหน่อยแล้วกันครับ แต่ตอนนี้ผมคงต้องโทรไปยกเลิกกับทางรัตนินเค้าก่อน ว่าไม่สามารถผ่าตัดวันพรุ่งนี้ตามที่นัดได้ " เสียงปลายสายจากบูพา ตอบมา " จะรีบดำเนินการให้เลยค่ะ แต่คุณอนุทินค่ะ ถ้าไม่รีบผ่าตัดต้อกระจก อาจมีอันตรายต่อสายตาได้น่ะค่ะ ไม่ผ่าไปเลยพรุ่งนี้ แล้วสำรองจ่ายไปก่อนล่ะค่ะ" โอ้ น้ำตาผมไหลเป็นทางด้วยความซาบซึ้ง มีห่วงกลัวผมจะตาบอดอีกนะนี่ 5555 สัญชาติญาณของคนทำละครฝันที่เป็นจริงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว กลับเข้าสิงร่างทันที ผมตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ " ผมคงไม่กล้าไปผ่าก่อนหรอกครับ เพราะที่ทำประกันสุขภาพเอาไว้ ก็เพราะผมตัวคนเดียว ไม่มีลูกเมีย ต้องดูแลตัวเอง เงินที่เก็บเอาไว้ ก็เผื่อว่าต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา จะได้มีไว้ใช้สอยนิดหน่อย ถ้าเอามาใช้จ่ายค่าผ่าตัดก่อน เกิดอะไรขึ้น ตรวจสอบไม่ผ่านเคลมไม่ได้ ผมคงไม่มีโอกาสที่จะเก็บหอมรอมริบเงินได้อีก ผมคงต้องรอแระครับ แต่ผมจะรอด้วยความหวังครับ ผมเชื่อ ผมครัทธาในการใช้ชีวิตมาโดยตลอด " ด้วยเสียงที่เศร้าๆและพูดช้าๆแบบคนที่ปลงชีวิตของผมทำทำให้เจ้าหน้าที่ของบูพาเงียบไปนาน 555555555555 "ค่ะ ค่ะ " หล่อนตอบได้แค่นั้น " ผมจะรอนะครับ อย่าลืมนะครับ ว่าตรงนี้ยังมีคนรอ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ" ผมทิ้งคำพูดสุดท้ายให้หายไปกับการวางโทรศัพท์ แล้วก็หัวเราะกับตัวเอง5555555 กูอยากจะตาย เอาไงดีว่ะนี้ แต่ที่แน่ๆ โทรไปหารัตนินก่อน " ขอแจ้งเลื่อนผ่าตัด เคสหมายเลขนี้ครับ " "ค่ะ จะสะดวกอีกทีวันไหนดีค่ะ " " อืมไม่เกิน 90 วันครับ" " " อืม ทำไมนานขนาดนี้ล่ะค่ะ " "คือประกันผมเค้ายังไม่ยอมจ่ายอ่ะครับ แล้วผมก็ไม่มีเงินมาสำรองจ่ายก่อนด้วยครับ" "ค่ะ ค่ะ เข้าใจค่ะ" เสร็จเรื่องการโทรเลื่อนรัตนิน ผมก็เริ่มคิดหาทางออกว่าจะเอายังไงดีกับชีวิตต้อกระจกอันนี้ ยอมรับครับว่า มีนจริงๆ แต่ไม่งงเท่าไร เพราะจะว่าไป ผมเคยทำงานกับพวกบริษัทประกันมาพอสมควร แต่ไม่ใช่ไปขายประกันนะครับ พอรู้ว่าข้อสัญญากรมกรรธ์อะไรพวกนี้อ่ะ มันจะมีปัญหาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอแบบนี้ ปัญหามันอยู่ตรงไหนครับ ปัญหาแรกคือ การขายประกันนี่แหละ ทั้งแบบมีคนขายหรือไม่มีคนขายคือ การไม่พูดให้หมด ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ต้องกระจ่างใส เป็นเรื่องของชีวิต เหมือนที่กำลังมีปัญหากันอยู่ตอนนี้อ่ะ แข่งโฆษณากันเต็มจอทีวี ว่าไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทำเลย จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน 555555 ตีความแบบคนปกติพูดกัน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทำได้เลย นี่คือ ถ้าเจ็บไข้ มีประกัน ประกันก็จ่าย ใช่ไหมครับ แต่ความจริงก็คือ ไม่ใช่ครับ ตอนคุณทำประกัน คุณก็ต้องกรอกรายละเอียด ว่าเคยเป็นโน่นเป้นนี่หรือเปล่า ถามจริงคนทั่วๆไป หาเช้ากินค่ำ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาชุดนี้อ่ะ เคยมีใครไปตรวจร่างกายแล้วรู้ว่า ตัวเองเป็นอะไรบ้างล่ะครับ ส่วนมากไม่รู้หรอก ถ้าไม่เจ็บจนลุกไม่ขึ้นก็ไม่เคยไปหาหมอกันทั้งนั้น โฆษณาเรื่องเจ็บไข้ตาย นี่ มันเป็นเรื่องต้องตีความกันเหรอครับ ว่าอ่านไม่ครบเอง หรือไม่ยอมอ่านเอง หรือกรอกไม่ครบ แจ้งให้หมดเลยสิครับ ว่ามันมีอะไรบ้าง โฆษณาทางทีวี มันแพง มีเวลาแค่ นาทีสองนาที มันพูดไม่หมดอ่ะ ผมเข้าใจ แต่ความหมายมันต้องไม่ชวนให้คิดผิดสิครับ และเวลาที่มารับทำ คนขายต้องตรวจเช็คให้ละเอียด ส่งเข้าบริษัทตรวจเช็คกันอีกที ถ้าใช่คุณสมบัติอย่างที่บริษัทประกันต้องการค่อยรับทำประกัน ไม่ใช่ รับๆเข้าไป ลูกค้าก็จ่ายค่ากรมธรรม์ไปแล้ว พอมีปัญหาก็มายกเลิกกรมธรรม์ บอกผิดข้อนั้นข้อนี่ ถามจริงเหอะ ทำธุรกิจอย่างนี้ โฆษณาอย่างนี้ ผิดหรือถูก 
ยังมีต่อนะครับ ว่าผมจะจัดการกับต้อกระจกสุดรักของผมอย่างไร เรื่องมันยาว 5555 โชคดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น