วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ล่องลอยเหนือน่านฟ้าแอฟริกา ตอนที่ 1 787-8 Dream liner




วันนี้ตั้งชื่อเรื่องแบบโรแมนติคกับเค้าสักหน่อยนะ เพราะมีมิตรรักแฟนปากกาบอกว่าข้อเขียนดูถึกๆเถื่อนๆ55555 ไม่ว่ากัน เพราะคนทำหนังทำสารคดีนี่เท่าที่เห็นส่วนมากหน้าตาละม้ายคล้ายไปทางโจรกันซะมากกว่า จะหาหน้าตาแบบพระเอกซี่รีย์เกาหลี นี่คงต้องกลับไปเกิดใหม่กันแทบทั้งวงการ
ตั้งชื่อเรื่องอย่างนี้เพราะจะเขียนเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้เครื่องบิน การมาทำสารคดีชุดแอฟริกาครั้งนี้ของผมก็อย่างที่เขียนบอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกๆว่า ทางเคนย่าแอร์เวย์เค้าสนับสนุนเรื่องการเดินทางทั้งหมดตลอดทริป ส่วนถ้าเป็นการบินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ทางบริษัททัวร์ท้องถิ่นก็เป็นฝ่ายจัดการให้ มาแอฟริการครั้งนี้ได้นั่งครบตั้งแต่เครื่องบินทันสมัยใหม่เอี่ยมอย่าง โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ เครื่องขนาดกลางบินระหว่างประเทศอย่าง Embraer 190 เครื่องบินสัญชาติบราซิลที่มีใช้กันหลายสายการบินทั่วโลกรวมทั้งกองทัพอากาศไทย เครื่องบินขนาดเล็กน่าจะเป็น เชสน่า เครื่องบินใบพัดขนาด 8 ที่นั่งที่ร่อนลงรันเวย์ดินลูกรังกลางป่าเคนย่า รวมทั้งเฮลิคอบเตอร์บินชมน้ำตกวิคตอเรีย เรียกได้ว่า ครบหมู่เหล่าตระกูลเครื่องบิน
เริ่มกันที่ เจ้า787-8 ดรีมไลเนอร์กันเลย เครื่องรุ่นนี้ ทางเคนเย่าแอร์เวย์สั่งเข้ามาฝูงหนึ่ง น่าจะ 7 ลำใหม่เอี่ยมจากโบอิ้งอเมริกา ไว้บินข้ามทวีปกันไกลๆ อย่าง กรุงเทพ ไนโรบี บินรวดเดียว 9 ชม. 787 ดรีมไลน์เนอร์เป็นเครื่องบินที่ทันสมัยมากครับ ใช้วัสดุไฮเทคประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่าเดิมเยอะ โบอิ้งเค้าบอกว่าประหยัดกว่าเครื่องบินขนาดเท่ากันถึง20% และยังเป็นเครื่องบินที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดของโบอิ้งเลยทีเดียว ไม่แค่ประหยัดนำ้มันนะ เงียบอีกต่างหาก เรื่องระบบปรับความดันนี่เยี่ยมจริงๆ เวลาเครื่องขึ้นลงไม่มีอาการปวดหู หูอื้อเลย แถมพ่วงความไฮเทคอีกเพียบเช่น หน้าต่างปรับระดับแสงอัตโนมัติ ไม่ต้องมามีม่านปิดเปิด ใช้ปุ่มกดๆ เลื่อนๆเอา หรือตั้งเป็นออโต้ก็ได้ เหมือนแว่นตาปรับแสงน่ะแหละ พอมีแสงจ้า มันจะเข้มมืดลงเอง พอแสงน้อยก็กลับไปใสแจ๋ว ทั้งสะดวกสะบายและสวยงาม ไฟในห้องโดยสารปรับได้สารพัดสี อย่างถ้าเราบินข้ามคืน นอนหลับไปพอใกล้จะถึงปลายทางเป็นเวลากลางวัน ไฟในห้องโดยสารจะค่อยๆเปลี่ยนจากมืดมาเป็นสีทองๆเหลืองๆคล้ายแสงพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนสีและแสงเป็นสว่างขึ้นเรื่อยๆจนสว่างเป็นปกติ การเปลี่ยนของสีและแสงนี่ไม่ใช่เปลี่ยนปุ๊บปับนะครับ เค้าจะค่อยๆเปลี่ยนช้าๆ แบบถ้าไม่สังเกตุดูจะไม่รู้เลยว่าแสงมันเปลี่ยนไป เป็นธรรมชาติมาก เรียกได้ว่าสำหรับ รุ่นนี้ โบอิ้งจัดเต็ม
ส่วนเรื่องที่นั่งก็ออกแบบมานั่งสบายไม่เมื่อย คนไทยสูง 170 อย่างผมลองไปนั่งเก้าอี้ชั้นประหยัดดู นั่งสบายไม่ติดขา ชั้นบิสิเนสที่นั่งปรับเป็นที่นอนได้ เป็นแบบนอนราบไปกับพิ้นได้เลย เป็นสัดส่วนนอนสบายเหมือนนอนอยู่บ้านยังไงยังงั้น แต่ผมไม่ค่อยได้นอนหรอก นั่งซดเบียร์เคนย่าไปเกือบตลอดทางกับเพื่อนช่างภาพที่ไปด้วยกัน ชั้นบิสิเนสเค้าเสริฟสารพัดอย่าง เครื่องดื่มของเมามีครบหมดกินไม่อั้น 5555 ลาภปากของผมไป แถมทั้งขาไปขากลับเจอพนักงานต้อนรับบนเครื่องเป็นคนไทย น้องเค้าเอากับแกล้มของกินเล่นมาให้อีก เบียร์หมดก็เอามาเพิ่มไม่ขาด จำได้ว่าขาไปไนโรบีนี่ กว่าจะได้นอนกันก็เกือบจะถึงปลายทางแล้ว
นอกจากส่วนภายในโดยสารจะทันสมัยแล้ว ผมยังมีโอกาสได้เข้าไปนั่งในห้องนักบินทั้งตอนเครื่องขึ้นและลงอีกด้วย กัปตันใจดีอนุญาติเป็นพิเศษ เมื่อเข้าไปในห้องนักบินก็ได้แต่มองงงๆ เพราะขับเครื่องบินไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้แค่ว่ามันน่าจะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยเอามากๆเท่านั้น กัปตันหันมาทักทายพร้อมบอกว่า ให้นั่งเงียบๆเพราะเค้าจะยุ่งมากตอนเครื่องขึ้นลง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เดี่ยวเค้าจะหันมาคุยด้วยเอง ซึ่งแน่นอนผมปฎิบัติตามอย่างเต็มใจ 55555 ขืนไปชวนคุยตอนเค้าขับเครื่องบินก็ยุ่งนะสิ นั่งลงข้างหลังกัปตัน พยายามจะใส่เข็ดขัดนิรภัยแต่หมดปัญญาเพราะมันไม่เหมือนเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ มันหลายสายซับซ้อนมาก จะเอ่ยปากถามบรรดานักบินทั้งสองก็ไม่กล้าเพราะเค้ากำลังยุ่ง คุยวิทยุการบินกันตลอดเวลา เสียงล้งเล้ง เช็คโน่นนี่ บิดปุ่มนั้นปรับปุ่มนี่ กำลังจะตัดสินใจเอาสายนิรภัยสารพัดสายมามัดติดตัวแบบผ้าขาวม้า เทวดาก็ส่งคนมาช่วยทันการ แอร์โฮสเตสสาวชาวแอฟริการูปร่างน้องๆม้าเทศเอาเครื่องดื่มมาให้กัปตัน เธอหันมามองเจอผมพอดี สบสายตาและหน้าซื่อๆบ๊องแบ๋วของผมที่กำลังจะมัดสารพัดสาย จึงเข้ามาช่วยเหลือจัดการให้ เมื่อสายนิรภัยเข้าที่ เครื่อง 787 ก็เริ่มเคลื่อนตัวไปที่รันเวย์ สักพักเครื่องก็วิ่งเร็วจี๋ เชิดหัวขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมิดของกรุงเทพ นั่งตรงห้องนักบิน แทบไม่รู้สึกเลยว่าเครื่องขึ้นแล้ว ดูมันง่ายๆ สบายๆมาก เครื่องบินไต่ระดับไปจนถึงระดับหนึ่งซึ่งน่าจะปลอดภัยแล้ว กัปตันก็หันมาคุยกับผม พร้อมบอกว่า สงสัยอะไรถามได้เลยนะ ผมก็นึกในใจจะถามอะไรดีล่ะ ไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง คุยกันสักพักก็ขอตัวออกมานั่งส่วนโดยสารดีกว่า เพราะได้ยินเสียงเค้าเริ่มเสริฟเครื่องดื่มกันแล้ว ก่อนออกจากห้องนักบิน กัปตันยังบอกว่า พักผ่อนให้สบายอีก 9 ชม ใกล้ถึงจะให้คนไปตามมานั่งในห้องนักบินตอนเครื่องจะลงอีกนะ ออกจากห้องนักบินก็ตรงมานั่งชั้นบิสิเนสที่ของผมเลย เมื่อใกล้จะถึงไนโรบี กัปตันให้คนมาตาม ตอนนี้ใกล้จะเช้าพอดี เห็นภายนอกชัดเจน ตอนเครื่องบินจะลงนี่มันตื่นเต้นกว่าตอนจะขึ้นนะ มันจะเห็นทางรันเวย์มาแต่ไกล แล้วเครื่องก็ลดระดับลงมาเรื่อยๆ เสียงวิทยุการบินติดต่อกันตลอดเวลา เสียงเตือนบอกระดับความสูงดังกระชั้นมาเรื่อยๆ ยิ่งต่ำลงเสียงก็ดังเร้าใจมากขึ้น จนล้อแตะพื้น แล้วเครื่องวิ่งไปตามรันเวย์อย่างนิ่มนวล ผมนี่ถ่ายไป ลุ้นตามไปด้วย แล้วทีมสารคดีเราก็ถึงไนโรบี เคนย่า อย่างเรียบร้อยปลอดภัย และสุดท้าย ความรู้คู่เดินทาง แล้วทุกอย่างจะสนุกครับ โชคดีทุกท่านนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น