วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชินาปุง ยักษ์พิโรธแห่งสุมาตราเหนือ



นั่งทำรายการสารคดีเมื่อวานนี้ น้องครีเอทีฟที่ทำด้วยกันส่งข่าวด่วนมาให้อ่านว่า ภูเขาไฟซินาปุงที่สุมาตรา อินโดนีเซีย เพิ่งระเบิดอาละวาดอีกแล้ว มีคลิปแบบถ้าถ่านกำลังฟุ้งกระจายมาให้ดูประกอบ ก็นึกได้ว่า เมื่อไม่นานมานี้ ไกค์เออร์วิน ซึ่งเป็นเป็นไกค์ท้องถิ่นชาวสุมาตราที่พาคณะพวกผมบุกเข้าไปที่ ชินาปุง เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งอีเมล์มาเหมือนกันว่า ชินาปุงเริ่มปะทุหนักอีกครั้ง สนใจที่จะเข้าไปทำสารคดีไหม
เมื่อปีที่แล้ว ผมเดินทางไปที่เกาะสุมาตราเหนือ เพื่อถ่ายทำสารคดีแถวๆนั้นก็ตระเวณไปหลายที่หลายวัน ที่แห่งหนึ่งที่ทีมสารคดีของเราเดินทางไปก็คือ เมืองเบราสตากิ เมืองแห่งภูเขาไฟเลยล่ะครับ เบราสตากิเป็นเมืองที่อยู่บนที่สูงประมาณ 2 พันเมตร อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ขนาดไปเดือนเมษา กรุงเทพนี่ร้อนตับแตก เบราสตากิเย็นสบาย ตอนกลางคืนนี่น้ำค้างลงหนาเป็นฝนเลย อากาศหนาวเลยทีเดียว จัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย ทั้งเมืองเกาะๆกระจายอยู่บนที่สูง ไหล่เขา คล้ายๆกับที่ซาปา ของเวียดนาม แต่ที่เบราสตากิ เมืองใหญ่กว่าเจริญกว่า ด้วยความที่อากาศดี ดินดีมีแร่ธาตุจากภูเขาไฟเยอะ ที่นี้เลยเป็นแหล่งปลูกพืชผักผลไม้สารพัด ออกดอกออกผลเยอะแยะ คล้ายบ้านเราก็มี แตกต่างก็มาก ใครชอบผลไม้ไปเดินตลาดผลไม้ที่นี่ รับรองได้ซื้อแบบหอบไม่ไหวแน่ๆ แถมบางร้านแม่ค้าพูดไทยได้นิดหน่อยอีกด้วย คนอินโดอัธยาสัยใจคอน่ารักเหมือนคนบ้านเราแหละครับ ยิ้มง่ายใจดี ต่อรองราคากันได้ไม่มีโกรธ ผมก็อยู่ถ่ายสารคดีที่นั้นสองสามวันน่าจะได้
ที่เมืองเบราสตากิ เออร์วินไกค์ท้องถิ่นของเรา พาพวกเราออกเดินทางจาก รร ที่พักแต่เช้า ออกจาก รร มาก็ชี้ให้เราดูภูเขาสูงลูกหนึ่ง มีควันกรุ่นอยู่บนยอดแล้วบอกพวกเราว่า นั้นแหละ ชินาปุง ภูเขาไฟ ที่พวกเราจะเดินไปวันนี้ ภูเขาไฟเพิ่งทำท่าประทุมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เออร์วินบอกเป็นโชคดีของพวกเรา ที่จะได้เห็นและถ่ายภาพ ผมนีกในใจว่า โชคดีหรือโชคร้ายกันหว่า ภูเขาไฟกำลังจะปะทุนี่นะโชคดี แถมผมยังต้องเดินทางไปถ่ายภาพแบบใกล้ชิดติดจออีกต่างหาก เฮ้อ บ้านเราก็ไม่มีภูเขาไฟซะด้วย ประสบการณ์เรื่องนี้ถือว่าน้อย มีอะไรขึ้นมาจะวิ่งทันไหมเนี่ย 55555 เอาไงเอากัน เลือกที่จะใช้ชีวิตอาชีพเป็นช่างภาพสารคดีแระ เรื่องความเสี่ยงมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจาะเจอ อย่าประมาทก็พอ ท่องเอาไว้ในใจเสมอเวลาต้องทำงานเสี่ยงๆ
เดินทางจากเมืองไม่นานไปตามทางเล็กๆ ลัดเลาะไปตามป่า ไม่นานเราก็มาถึงบริเวณเชิงเขา มองไปเห็นภูเขาไฟชินาปุง ชัดๆ ผมจึ้งบอกเออร์วินให้หยุดรถ ผมจะถ่ายคิวพิธีกรตรงนี้ก่อน เพราะน่าจะยังปลอดภัย ถามระยะทางว่าห่างจากภูเขาไฟเท่าไร เออร์วินบอกประมาณ ห้า กม. อืม ไกลใช่ได้ ปลอดภัยแน่ๆ ปะทุรุนแรงขึ้นมา น่าจะวิ่งทัน5555 เราถ่ายคิวพิธีกรตรงนั้น ระหว่างที่ถ่ายคิวไป สักพักก็มีควายเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แรกๆก็เลาะเล็มหญ้าห่างๆ แล้วก็ขยับมาทีละนิด ทีละนิด สักพักก็กลายเป็นพิธีกรและควาย อยู่ร่วมเฟรมเดียวกันไปเลย พิธีกรผมคุณประกรณ์ก็อธิบายภูเขาไฟไป เจ้าควายภูเขาไฟก็กินหญ้าประกอบการพูดไป ผมถ่ายไปก็ขำไป ไม่อยากเทคเพราะ คิดว่ามันก็ธรรมชาติดี คุณประกรณ์แกไหวพริบดี อธิบายต่อว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ขณะที่แกอธิบายอยู่นี่ มีควายมากินหญ้าใกล้ๆ เพราะธรรมชาติของสัตว์เมือมีภัยมาจะรู้ตัว ไหวตัวทัน ถ้าเกิดภูเขาไฟจะประทุขึ้นมา เจ้าควายนี่จะต้องเผ่นก่อนแน่ๆ ตัวแกจะได้เผ่นตามไปด้วย เรียกว่า งานนี้ เผ่นตามควาย
หลังจากถ่ายคิวเสร็จ ผมก็บอกเออร์วินให้ลุยเข้าไปในพื้นที่เลย ผมอยากถ่ายภาพใกล้ๆ เออร์วินถามย้ำอีกครั้งว่า ไม่กลัวนะ อันตรายนะ ผมตอบว่า ลุยเลย เออร์วินเลยจัดเต็มให้ รถของคณะเราออกนอกเส้นทางปกติทันที เพราะมีด่านของเจ้าหน้าที่กั้นถนนไม่ให้เข้าไปในบริเวณ รถของเรามุดเข้าป่าข้างทาง วิ่งลุยๆมาสักพักเรา ก็มาโผล่เอาทางเข้าหมู่บ้าน เออร์วินบอกว่า หมู่บ้านนี่ชื่อ กูรูคินายัน เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟที่สุดแล้ว และโดนถล่มไปเรียบร้อยเมื่อหลายเดือนก่อน มองไปรอบๆหมู่บ้าน วังเวงใจอย่างเศร้าๆ มันกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ปราศจากผู้คนอาศัย บนหลังคาบ้านทุกหลังเต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ ปกคลุมเต็มไปหมด รถของคณะเราวิ่งลึกเข้าหมู่บ้านไปเรื่อยๆ จนสุดหมู้บ้านที่เชิงเขา มองสูงขึ้นไป ชินาปุง อยู่บนหัวของเรานี่เอง ผมก็ถ่ายภาพเก็บไปเรื่อยๆ สักพักมีชาวบ้านเดินเช้ามาคุยด้วย บอกว่ามาเก็บของ บ้านเค้าอยู่แถวนั้น พังไปเรียบร้อย คุยกันสักพัก เริ่มรู้สึกว่าแผ่นดินที่เราเหยียบอยู่มันสั่นๆ และมีเสียงเหมือนหม้อต้มน้ำเดือดๆ ปล่อยไอ ดังแว่วๆมา ชาวบ้านรีบบอกพวกเราว่า ท่าไม่ดีแล้ว รีบเผ่นเหอะ อาการอย่างนี้คือ ภูเขาไฟกำลังจะระเบิด ไม่พูดเปล่า พูดเสร็จ ชาวบ้านกลุ่มนั้นกระโดดขึ้นมอไซค์ ขี่ออกไปทันที อย่างนี้แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะครับ ขนาดเจ้าถิ่นยังเผ่นฝุ่นตลบ คว้าขากล้องขึ้นวิ่งทันที เออร์วินกำลังต้อนพวกเราให้รีบขึ้นรถ ผมกระโดดไปนั่งหน้าที่ประจำ ยังไม่ทันจะปิดประตูรถดี เจ้าจอน คนขับรถออกรถแบบ fast 7 ยังไงยังงั้น รถวิ่งฝุ่นตลบ มุดป่าออกมา ผมนึกในใจว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปทางไหนดีหว่า รถวิ่งออกมาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงถนนราดยาง เห็นชาวบ้านจอดรถกัน เราก็เลยจอดบ้าง ชาวบ้านชี้มือไปที่ภูเขา ผมรีบลงรถ ตั้งกล้องกับขาทันที ยังไม่ทันจะปล่อยมือ เสียงคำรามพร้อมความสั่นสะเทือนมาทันที ชินาปุง ประทุพ่นเถ้าถ่านออกมาอีกครั้ง กลุ่มควันพร้อมเถ้าถ่านปลิวสูงขึ้นไปไกล พร้อมเสียงเชียร์เฮดังลั่นจากกลุ่มชาวบ้าน ผมถ่ายไปก็หัวเราะไป ตกลงมันเป็นภัยพิบัติหรือเชียร์มวยกันแน่ว่ะ เฮกันซะขนาดนั้น
นี่แหละครับอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เอามาเล่าสู่กันฟัง ดูคลิปสั้นๆ ประกอบไปด้วยนะครับจะได้นึกภาพออก สุดท้ายนี้ ความรู้คู่เดินทางครับ แล้วการเดินทางจะสนุกมีคุณค่า โชคดีทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น