วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อนาคตรายการสารคดีของเมืองไทย

ผมนั่งตัดรายการสารคดีไป เมื่อยก็พักมานั่งเขียนอะไรเรื่อยๆในเฟสบุคตามความตั้งใจที่จะเขียนให้ได้ทุกวันวันละเรื่อง การทำงานรายการโทรทัศน์นี่ต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งนั่งดูรายการโทรทัศน์ด้วยนะครับ ถ้ามีเวลาก็ดูมันทุกรายการทุกช่องแหละครับ เราจะเรียกตามศัพท์ทีวีว่า มอนิเตอร์รายการ ถ้าเป็นผู้บริหารระดับสูง บริษัทใหญ่ๆจะมีแผนกมอนิเตอร์รายการแยกประเภทไปเลยครับ ละคร ข่าว เรียลลิตี้  เพื่อคอยรายงานให้ผู้บริหารทราบว่า ตอนนี้เป็นยังไง รายการไหนดีไม่ดีอย่างไร ทำรายงานกันละเอียดเลยครับ ประกอบกับดูเรตติ้งซึ่งก็มีบริษัทจัดเรตติ้งส่งข้อมูลให้ทุกเดือน ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สำคัญนะครับ เพราะการบริหารสถานีหรือบริหารบริษัทผลิตรายการนี่ ต้องเข้าทำนองรู้เขารู้เรา ต้องแก้เกมกันให้ถูกต้อง ถูกเวลา ธุรกิจทีวีการแข่งขันมันสูง แต่รายการเล็กๆอย่างผมไม่มีงบประมาณพวกนี้หรอกครับ อาศัยว่าพอจะรู้จักคนที่มีเรตติ้งในมือก็อาศัยดูของเค้าเอา5555 ซื้อไม่ไหวมันแพง ส่วนการมอนิเตอร์ก็ทำเองครับ ว่างก็ดูทีวีมันไป กดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรื่องการดูทีวีของคนทำทีวีนี่ คนที่ไม่ได้ทำอาชีพนี้อย่าได้หลวมตัวไปดูด้วยนะครับ น่าเบื่อมาก ประมาณว่าดูไปด่าไป วิจารณ์ไปทั้งเนื้อหา ทั้งเทคนิค บางคนร้อนวิชามากก็คอยจับผิดเค้าไปเรื่อย ไม่ก็วิจารณ์ว่า ต้องถ่ายอย่านี้ ต้องตัดอย่างนั้นซะมาก 5555 สรุปว่ามันเก่งอยู่คนเดียว 
     ส่วนผมไม่ร้อนวิชาแระ วิชาทั้งหลายเย็นตัวลงหมดกลายเป็นวิชามาร ก็ดูไปเรื่อยๆ ไม่วิจารณ์อะไร ถ้าไม่ชอบมากก็เปลี่ยนช่อง สนุกหน่อยก็ดูนาน และส่วนมากก็จะดูพวกสารคดีเพราะเป็นแนวทางที่ชอบและถนัด  บ้านเรารายการพวกนี้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมากครับ ยิ่งถ้าวิเคราะห์เปรียบเทียบนี่ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ที่บอกว่าน้อยนี่เทียบกับสัดส่วนของเวลาออกอากาศทั้งหมดนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ท้วงติงกันมาได้เพราะก็อาจดูไม่ทั่วถึงทุกช่อง
     โดยส่วนตัวผมอยากให้สนับสนุนรายการแนวสารคดีให้มากกว่านี้นะครับ เอาง่ายๆเลย รัฐควรให้พวกช่อง แนทชั่นแนลจีโอกราฟิค History หรือ ดีสคอฟเวอรี่ นี่เป็นช่องฟรีของประชาชนเลย อาจจะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง แต่ผมว่าคุ้มค่ามากครับ ผมเองเป็นสมาชิกของทรูวิชั่น ยอมจ่ายเดือนละพันห้าเพื่อช่องเหล่านี้เท่านั้น ถ้ารัฐทำเองและซื้อจำนวนมากๆ อาจได้ราคาที่ถูกลงเยอะ รายละเอียดเรื่องราคาเงื่อนไข คงเอาไว้อีกประเด็น
     ทำไมผมถึงสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีช่องเหล่านี้ฟรีล่ะครับ ผมในฐานะคนทำสารคดีมาเกือบสามสิบปีบอกได้เลยว่า สารคดีที่ฉายตามช่องพวกนี้ สุดยอดมากครับ ไม่ว่าเนื้อหาหรือการถ่ายทำ พูดกันตามตรง ดีกว่าไปนั่งเรียนหนังสือตาม รร หรือมหาวิทยาลัยอีกครับ ความรู้ที่ได้แน่นกว่ากันเยอะ ได้เห็นทั้งภาพและเสียง มีกราฟฟิคข้อมูลประกอบอีกมากมาย เรื่องยากๆ เค้าก็สามารถทำออกมาให้เข้าใจได้ง่ายๆ เอางบประมาณจากกระทรวงศึกษา หรือกระทรวงอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้อง งบพวกประชาสัมพันธ์ จัดอีเว็นท์อะไรนี่ มาซื้อสารคดีพวกนี้ให้ประชาชนดู ได้ประโยชน์มากกว่า หรือถ้าไม่มีงบประมาณจริงๆ เอาพวกเงินที่ถูกประนามว่าเป็นเงินบาปมาใช้ตรงนี้ เปลี่ยนจากบาปเป็นบุญเห็นๆ ครับ 
     ผมกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ถ้ารัฐจัดการอย่างที่ผมเสนอนี้ ไม่กี่ปี ประชาชนคนไทยเราเปลี่ยนอุปนิสัยหลายๆอย่างแน่ครับ แรกๆ อาจจะยังไม่ดูกันเท่าไร แต่ผมเชือว่า ไม่นานหรอกครับ สารคดีพวกนี้ดูสนุก ไม่น่าเบื่อ และให้ความรู้ พอเราดูเข้าบ่อยๆ เราก็จะชินกับการหาความรู้ไปต่อยอดกัน  เราจะรักในความรู้ หรือที่เรียกว่า ไผ่รู้นั้นเอง เมื่อคนไทยเรามีอุปนิสัยอย่างนี้แล้ว การพัฒนาอย่างอื่นมันไปเองครับ ไม่ต้องมาเถียงมาประชดกันว่า คนไทยอ่านหนังสือไม่กี่บรรทัด คนไทยอย่างโน้นอย่างนี้ ความรู้ในมุมกว้างมันจะเปลี่ยนพวกเราไปเอง และเมื่อเรามีความรู้ มีทัศนคติที่กว้างไม่คับแคบ การพูดจาพูดคุยกันก็มีแนวทางชัดเจน คุยกันรู้เรื่อง คนที่ชอบดูละคร ดูตลก ก็ดุไป คนชอบสารคดีก็ดูไป แต่นี่บ้านเรา มันมีแต่ ละครกับตลก วาไรตี้ ไม่มีพื้นที่ของสารคดีที่เป็นแบบของดีๆ เลย รัฐต้องเข้ามาช่วยครับ จนถึงวันหนึ่งที่คนบ้านเราชอบในความรู้กันจริงจังแล้ว ถึงตอนนั้นเราก็ผลิตก็ทำของเราเองได้ ผมหมายถึงทำแบบสุดๆ ดีๆ แบบของเมืองนอกเค้าน่ะ ไม่ใช่พื้นๆอย่างที่เรามี แต่จะทำดีๆได้นั้น ฐานคนดูต้องมีก่อน สปอนเซอร์มันถึงจะสนับสนุนได้ หรือถึงขั้นขายตัวมันเองได้โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณา  มันถึงจะทำออกมาเป็นธุรกิจได้ ไม่งั้น ทำเท่าไรก็ต้องบอกว่า รอเจ๊ง อย่างเดียวครับ   สุดท้าย ความรู้คู่เดินทาง โชคดีทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น