วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รายการทีวี เมืองไทย

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทำคิวพิธีกรรายการสารคดีก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของรายการกันพอสมควรเพื่อให้เหมาะสมกับอะไรๆหลายอย่าง การทำช่วงพิธีกรของรายการผม รูปแบบเดิมที่ทำๆมาก็เป็นการเอาข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่กำลังน่าสนใจในช่วงนั้นๆมาพูดคุย โดยเน้นไปที่เปรียบเทียบกับบ้านเมืองอื่น ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ว่าเราเค้าแตกต่างหรือเหมือนกันในมิติใดบ้าง ของใครดีของใครไม่ค่อยดี ก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้าเรื่องราว การทำงานเราไม่ค่อยเขียนบทกัน เพราะคุณประกรณ์ พิธีกรและเจ้าของรายการไม่นิยมการมีบท เวลาเขียนบทให้ทีไรจะเกิดอาการแพ้บท รุนแรงมากน้อยแล้วแต่วาระ5555 ก็เลยทำให้ใช้วิธีการพูดคุยถกเถียงกันในแง่มุม ต่างๆ ส่วนมากก็จะมี เต้ ซึ่งเป็นครีเอทีฟ ผมแล้วก็คุณประกรณ์ ก็มี ดาวเรือง ซึ่งทำหลายตำแหน่งตั้งแต่ช่างภาพยันแต่งหน้า พูดคุยร่วมกัน จนได้แง่คิดว่าจะเอาประเด็นนี้ มองมุมนี้ แล้วก็เป็นหน้าที่ของคุณประกรณ์ แกร่ายยาวไปเลย ผิดถูกติดขัดก็ค่อยเทคถ่ายใหม่ แต่ส่วนมากก็จะไหลยาวแบบสดๆไปเลย ถ่ายเสร็จเราก็มักจะคุยกันต่อเรื่องประเด็นที่เราทำ ระหว่างที่คุยคุณประกรณ์แกตั้งแง่คิดว่า ทำไมดูข่าวในทีวี บ้านเรามันมีแต่ข่าวพื้นๆ หรือที่เรียกว่า ข่าวชาวบ้านทั่วๆไป ข่าวดาราอะไรแบบนี้ ผมก็หัวเราะ แล้วตอบทันทีว่า เพิ่งรู้เหรอ สงสัยอะไรล่ะ อืม มันน่าจะมีพวกข่าววิเคราะห์ดีๆบ้างน่ะ นีเปิดไปช่องไหน ก็มีแต่ข่าวเหมือนๆกัน คุณประกรณ์ยังสงสัยต่อ ผมเลยให้ความเห็นไปว่า อย่าไปสงสัยอะไรเลย มันเป็นธรรมดาของมนุยษ์เราแหละ ที่ต้องชอบเรื่องบันเทิงเริงใจมากกว่า เพียงแต่บ้านเรามันยังไม่ค่อยพัฒนา สัดส่วนมันก็เลยเป็นบันเทิงเยอะเป็นธรรมดานั้นเอง วันหนึ่งเราเติบโตมากกว่านี้ เราคงได้เห็นสาระมากว่าปัจจุบัน
ผมทำรายการทีวีมานานมากแล้วเหมือนกัน จะว่าไปเกือบสามสิบปีเข้าไปแล้ว เห็นอะไรในวงการนี้มาพอสมควร อาจไม่ทุกด้านหรือรู้ไปหมด แต่ก็ก็บอกได้ว่ารู้พอตัว โดยเฉพาะถ้าเป็นด้านหรือรายการที่เรามีความชำนาญ ก็จะรู้มากหน่อย ปัญหาเรื่องที่ว่า ทำไมบ้านเราไม่มีรายการสาระที่ดีๆ หรือมีแต่ก็มีน้อย ไม่ว่าจะเป็นรายการแบบไหน เหตุผลเดียวง่ายๆคือ คนบ้านเราไม่มีสาระครับ 5555 หลายท่านอ่านไปอาจจะด่าผมว่า เอาอะไรมาตัดสินอย่างนี้ ผมก็ตอบว่าไม่ได้เอาอะไรมาวัดหรอก เป็นความเห้นส่วนตัวเท่านั้น ลองคิดดูง่ายๆสิครับ คนทำรายการอ่ะ หรือที่เรียกว่า คนทำสื่อนี่ ส่วนมากทำสนองคนดูน่ะ เพราะไม่มีคนดู ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีโฆษณา ก็ไม่สามารถทำรายการได้ การผลิตรายการนี่ใช้เงินจำนวนมากนะครับ เอาง่ายๆเลยครับ อย่างเพิ่งไปถ่ายแอฟริกามานี่อ่ะ ค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณสองแสนบาทขึ้นไป ทีมงานผมไป 6 คน ก็ตกล้านกว่าบาทไปแล้ว นี่เฉพาะค่าถ่ายทำนะครับ ไม่รวมค่าตัดต่อ เงินเดือนอีกสารพัด และไม่รวมค่าเวลาออกอากาศอีก ฉะนั้นเอาง่ายๆเลยครับ ปัจจุบันนี้หารายการทีวีบ้านเรา โดยเฉพาะรายการสารคดีเดินทางไปถ่ายต่างประเทศไกลๆ น้อยมากเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ส่วนมากที่ไปถ่ายได้ก็เพราะสามารถติดต่อหาสปอนเซอร์ได้เก่ง รายการผมคุณประกรณ์เค้าคร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวมานาน รู้จักคนเยอะ ทั้งในและต่างประเทศ ก็เลยทำให้รายการพอจะมีโอกาสไปถ่ายต่างประเทศกับเค้าบ้าง เห็นตัวเลขอย่างนี้นึกภาพออกใช่ไหมล่ะครับว่า ทำไมรายการสาระดีๆ ถึงทำยาก และแน่นอนครับ นอกจากจะแพงแล้ว ขั้นตอนการทำงานก็ซับซ้อนกว่า พิธีกรต้องมีความรู้แน่นพอตัว ครีเอทีฟ โปรดิวเซอร์ ต้องรู้เยอะ รู้เยอะนี่ หมายถึงรู้เรื่องที่จะทำน่ะครับ ไม่ใช่ไปรู้เรื่องชาวบ้านร้านตลาดอะไรทำนองนั้น สรุปง่ายๆคือ รายการมันผลิตยากอ่ะครับ และที่สำคัญคือรายการสาระ แนวๆนี้ หาสปอนเซอร์ก็ยาก เพราะคนไม่ค่อยดู นั้นเอง พอคนดูน้อย คนทำมันก็ขยาดกัน ไม่กล้าเสี่ยงทำ เพราะเรียกง่ายๆว่า โอกาสขาดทุนสูงมาก พวกคนทำสื่อก็เลยหันไปทำแนวแบบ บันเทิงง่ายๆ เพราะคนดูก็ดูง่ายๆ ดูไปเม้าท์กันไป สนุกปาก ขายรายการง่ายกว่าเยอะแถมค่าผลิตถูกกว่ากันมากมาย เอาง่ายๆ ไม่ได้ว่ารายการอื่นนะครับ รายการแบบอ่านข่าว หรือเม้าท์ดารา คนดังทั้งหลายนี่ ไม่ได้ลงทุนอะไรเลยนะครับ มาแต่ตัวมีหัวกับปากเท่านั้น ก็ทำรายการได้แล้ว หรือจะเป็นแนวพวกหมอดู หมอเดา จิตสัมผัส ญาญทิทย์ทั้งหลายแหล่นี่ ลงทุนน้อยมากครับ แต่คนดูชอบครับ ผมเองยังคิดรายการแนวๆนี้เอาไว้เลยครับ 55555 มันขายได้ง่าย เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะคนชอบดูไง 
ฉะนั้นง่ายๆเลยครับ รายการทีวีประเทศไหน มันก็สะท้อนนิสัยคนประเทศนั้นครับ เราเป็นของเราอย่างนี้แหละ 55555 ชอบอะไรก็ดูแบบนั้นไปครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ เรื่องความรู้ สาระก็ต้องพยายามหาอ่าน หาดูด้วยครับ เพื่อเพิ่มมุมมองให้กับตัวเราเอง และเช่นเคยครับ ความรู้คู่เดินทางแล้วทุกอย่างจะสนุกไปเอง โชคดีทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น